เว็บไซต์คืออะไร มีวิวัฒนาการมาอย่างไร มีประโยชน์ และโทษมากแค่ไหน มาดูกันครับ

ความหมายของเว็บไซต์
เว็บไซต์ (website) คือหน้าเว็บเพจหลายๆ หน้ารวมกัน โดยเว็บเพจแต่ละหน้าจะเชื่อมโยงกันด้วยลิงค์หรือไฮเปอร์ลิงค์ มีจุดประสงค์ในการนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อถึงกัน
เว็บไซต์กับเว็บเพจต่างกันอย่างไร
เว็บเพจ ( web page, webpage) คือ หน้าเว็บ เป็นส่วนย่อยของเว็บไซต์ หน้าเว็บก็หมายถึงหน้าของเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลออกมาให้ผู้ใช้ได้เห็น เปรียบเสมือนหน้าเอกสารบนเว็บเบราเซอร์ ถูกเขียนขึ้นมาด้วย html หรือภาษาอื่นๆ
ส่วนเว็บไซต์คือการรวมกันของเว็บเพจหลายๆ หน้า เชื่อมโยงถึงกันด้วยลิงค์
วิวัฒนาการของเว็บไซต์
เว็บไซต์มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยพอสรุปเป็นยุคต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
web 1.0 เป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารให้ผู้ใช้หรือผู้ท่องเว็บได้อ่านเพียงอย่างเดียว ถือเป็นการสื่อสารทางเดียว โดยที่ผู้ใช้ไม่สามารถทำอะไรบนเว็บไซต์ได้นอกจากการอ่านเพียงอย่างเดียว
web 2.0 เป็นเว็บไซต์ที่นอกจากจะนำเสนอข้อมูลผ่านเว็บไซต์แล้ว ผู้ใช้สามารถกระทำการอย่างอื่นบนเว็บไซต์ได้นอกเหนือจากการอ่านเพียงอย่างเดียวด้วย เช่น การสมัครสมาชิก การแสดงความคิดเห็น การโหวตผ่านโพลล์ การแชร์บทความต่อให้ผู้อื่น เป็นต้น ถือได้ว่าเป็นการพัฒนามาจาก web 1.0 แบบเห็นได้ชัด
web 3.0 (semantic web) คือระบบอินเตอร์เน็ตที่มีขีดความสามารถเป็นของตัวเอง กล่าวคือ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดในระบบอินเตอร์เน็ตเข้าด้วยกัน
โดยรวมแล้วการพัฒนาเข้าสู่เว็บ 3.0 นั้นก็คือ ความพยายามของนักเทคโนโลยีต่างๆ ในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่กับแพลตฟอร์มพื้นฐานของอินเตอร์เน็ต โดยทำให้มันเข้าใจข้อมูลทุกๆ ชิ้นที่อยู่ในเวิร์ลด์ ไวด์ เว็บ ได้ เมื่อเข้าใจแล้วยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นเข้าด้วยกันได้ จึงสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ตรงจุด และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อมูลทุกอย่างใน เวิร์ล ไวด์ เว็บ ก็จะเปรียบเสมือนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่จะตอบสนองให้เราได้ตรงจุดตรงประเด็น และสามารถอำนวยความสะดวกให้กับเรามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
ตัวอย่างความสามารถของเว็บ 3.0
การเขียนอีเมล์
เทคโนโลยีเว็บ 3.0 จะสามารถล่วงรู้ได้ว่าอีเมลที่เรากำลังเขียนอยู่นั้นเกี่ยวกับเรืองอะไร เมื่อมันเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังเขียนอยู่ มันก็จะให้คำแนะนำได้ว่ามีเว็บไซต์ เอกสารใด รูปภาพ และวิดีโอใดบ้าง (ที่เราบันทึกเก็บเอาไว้) ที่เกี่ยวข้องทำให้เพิ่มความสะดวกในการเขียนอีเมล์ได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
การค้นหาข้อมูลด้วย search engine
ในขณะที่เรากำลังค้นหาข้อมูลบางอย่าง เทคโนโลยีเว็บ 3.0 มันจะเข้าใจในสิ่งที่เราถาม และรู้คำตอบของคำถามอยู่แล้ว
ประโยชน์ของเว็บไซต์
เว็บไซต์มีประโยชน์มากมายเหลือคณา ดังต่อไปนี้
- เป็นแหล่งความรู้ออนไลน์ให้กับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต
- เสริมภาพลักษณ์ให้องค์กรต่างๆ ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
- เป็นหน้าร้านให้กับผู้ประกอบธุรกิจ
- เป็นแหล่งข่าวชั้นดีให้กับผู้ติดตามข่าวสาร
- เพิ่มความสะดวกในการติดต่อสื่อสาร
- ลดค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์
- เพิ่มช่องทางในการหารายได้ผ่านอินเตอร์เน็ต
- เพิ่มความสะดวกในการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
โทษของเว็บไซต์
เว็บไซต์ก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน โดยอาจจะเกิดจากผู้สร้างเว็บไซต์ และพฤติกรรมของผู้ใช้หรือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เองดังนี้
- อาจได้รับข่าวสารที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง
- เข้าถึงสื่อลามก อนาจารได้ง่ายๆ
- ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม จากการติดต่อสื่อสารผ่านเว็บไซต์
- ก่อให้เกิดการหมกมุ่นกับเว็บไซต์บางประเภท ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิต และสุขภาพ
การสร้างเว็บไซต์
การสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบันสามารถทำได้มากมายหลายวิธีดังต่อไปนี้
- การเขียนเว็บไซต์ขึ้นมาเองด้วยภาษาต่างๆ เช่น php, jsp เป็นต้น จะต้องมีการจดโดเมน และเช่าโฮสติ้ง และติดตั้งโค้ดที่เขียนไว้ที่โฮสติ้ง
- การสร้างเว็บไซต์ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป เช่น cms (wordpress, joomla) เป็นต้น ช่วยอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเราไม่ต้องเขียนโค้ดเอง โปรแกรมสำเร็จรูปจะพร้อมให้เราใช้งานได้เลย จะต้องมีการจดโดเมน และเช่าโฮสติ้งเช่นกัน จากนั้นจึงทำการติดตั้งโปรแกรมสำเร็จรูปไว้บนโฮสติ้ง แคนี้เว็บไซต์ก็พร้อมใช้งานทันที
- การสร้างเว็บไซต์จากเว็บไซต์ฟรีต่างๆ เช่น บล็อก เว็บ wordpress เป็นต้น เราไม่จำเป็นที่จะต้องจดโดเมน และเช่าโฮสติ้ง เพียงแค่ตั้งชื่อ sub domain ขึ้นมาในเว็บฟรีต่างๆ เราก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ทันที
ลักษณะเว็บไซต์ที่ดี
- โครงสร้างเว็บไซต์ใช้งานได้ง่าย ผู้เยีย่มชมไม่มึนงงกับเมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
- ขนาดตัวหนังสือพอเหมาะอ่านเข้าใจง่าย
- เนื้อหาในเว็บไซต์เป็นข้อเท็จจริงตามชื่อบทความ
- ให้การตอบสนองแบบรวดเร็วต่อผู้ใช้
- แสดงผลได้พอเหมาะในทุกอุปกรณ์ เช่น ในคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บแล็ต เป็นต้น
- มีการเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันทั้งภายใน และภายนอกเว็บไซต์
เว็บไซต์ยอดนิยมที่คนไทยเปิดบ่อยที่สุด (ข้อมูลปี 2558)
ผลการสำรวจจาก alexa.com พบว่าเว็บไซต์ที่คนไทยเปิดบ่อยมากที่สุดในปี 2015 ได้แก่
1. google.co.th
เป็นเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลอันดับ 1 ของโลก
2. facebook.com
เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ที่ใครๆ ก็รู้จัก
3. youtube.com
เป็นเว็บไซต์รวมวิดีโอจากทั่วโลก
4. pantip.com
เป็นเว็บไซต์ฮอตฮิต สำหรับการลงกระทู้ และการแสดงความคิดเห็นที่มีอิทธิพลต่อคนไทยพอสมควร
5. yahoo.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ และเป็นเว็บ search engine ด้วย
6. sanook.com
เป็นเว็บไซต์วาไรตี้ที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุดในไทย
7. blogspot.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการบล็อคฟรีที่บล็อคเกอร์นิยมใช้งาน
8. th.wikipedia.org
เป็นเว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์ เป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาหาความรู้ข้อเท็จจริง
9. ebay.com
เป็นเว็บไซต์สำหรับซื้อขายประมูลสินค้าแบบออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
เว็บไซต์ยอดนิยมในโลก
10 อันดับเว็บไซต์ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ได้แก่
1. Google.com
เป็นเว็บไซต์ search engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
2. Facebook.com
เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่ใครๆ ก็ใช้งานกัน
3. Youtube.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการวิดีโอออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
4. Yahoo.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ และ search engine ด้วย
5. Baidu.com
เป็นเว็บไซต์ search engine อันดับ 1 ของประเทศจีน
6. wikipedia.org
เป็นเว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก
7. live.com
เป็นเว็บไซต์ที่เปลี่ยนมาจาก msn.com ถือเป็นการรวมบริการต่างๆ เข้าด้วยกันทั้งข่าวสาร และเว็บเมล์คือ hotmail.com
8. twitter.com
เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดียประเภทหนึ่ง ที่สามารถโพสต์ข้อความได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษร
9. qq.com
เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์จากประเทศจีน ในไทยถูกนำมาใช้โดยเว็บ snook.com
10. Amazon.com
เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา มีผู้ใช้งานทั่วโลก
หวังว่าข้อมูลเรื่องเว็บไซต์จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจนะครับ พบกันใหม่กับทความหน้า เร็วๆ นี้ครับ
มี.ค. 4 2016
เว็บไซต์
เว็บไซต์คืออะไร มีวิวัฒนาการมาอย่างไร มีประโยชน์ และโทษมากแค่ไหน มาดูกันครับ
ความหมายของเว็บไซต์
เว็บไซต์ (website) คือหน้าเว็บเพจหลายๆ หน้ารวมกัน โดยเว็บเพจแต่ละหน้าจะเชื่อมโยงกันด้วยลิงค์หรือไฮเปอร์ลิงค์ มีจุดประสงค์ในการนำเสนอข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อถึงกัน
เว็บไซต์กับเว็บเพจต่างกันอย่างไร
เว็บเพจ ( web page, webpage) คือ หน้าเว็บ เป็นส่วนย่อยของเว็บไซต์ หน้าเว็บก็หมายถึงหน้าของเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลออกมาให้ผู้ใช้ได้เห็น เปรียบเสมือนหน้าเอกสารบนเว็บเบราเซอร์ ถูกเขียนขึ้นมาด้วย html หรือภาษาอื่นๆ
ส่วนเว็บไซต์คือการรวมกันของเว็บเพจหลายๆ หน้า เชื่อมโยงถึงกันด้วยลิงค์
วิวัฒนาการของเว็บไซต์
เว็บไซต์มีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง โดยพอสรุปเป็นยุคต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้
web 1.0 เป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารให้ผู้ใช้หรือผู้ท่องเว็บได้อ่านเพียงอย่างเดียว ถือเป็นการสื่อสารทางเดียว โดยที่ผู้ใช้ไม่สามารถทำอะไรบนเว็บไซต์ได้นอกจากการอ่านเพียงอย่างเดียว
web 2.0 เป็นเว็บไซต์ที่นอกจากจะนำเสนอข้อมูลผ่านเว็บไซต์แล้ว ผู้ใช้สามารถกระทำการอย่างอื่นบนเว็บไซต์ได้นอกเหนือจากการอ่านเพียงอย่างเดียวด้วย เช่น การสมัครสมาชิก การแสดงความคิดเห็น การโหวตผ่านโพลล์ การแชร์บทความต่อให้ผู้อื่น เป็นต้น ถือได้ว่าเป็นการพัฒนามาจาก web 1.0 แบบเห็นได้ชัด
web 3.0 (semantic web) คือระบบอินเตอร์เน็ตที่มีขีดความสามารถเป็นของตัวเอง กล่าวคือ สามารถเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมดในระบบอินเตอร์เน็ตเข้าด้วยกัน
โดยรวมแล้วการพัฒนาเข้าสู่เว็บ 3.0 นั้นก็คือ ความพยายามของนักเทคโนโลยีต่างๆ ในการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่กับแพลตฟอร์มพื้นฐานของอินเตอร์เน็ต โดยทำให้มันเข้าใจข้อมูลทุกๆ ชิ้นที่อยู่ในเวิร์ลด์ ไวด์ เว็บ ได้ เมื่อเข้าใจแล้วยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านั้นเข้าด้วยกันได้ จึงสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ตรงจุด และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อมูลทุกอย่างใน เวิร์ล ไวด์ เว็บ ก็จะเปรียบเสมือนฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่จะตอบสนองให้เราได้ตรงจุดตรงประเด็น และสามารถอำนวยความสะดวกให้กับเรามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
ตัวอย่างความสามารถของเว็บ 3.0
การเขียนอีเมล์
เทคโนโลยีเว็บ 3.0 จะสามารถล่วงรู้ได้ว่าอีเมลที่เรากำลังเขียนอยู่นั้นเกี่ยวกับเรืองอะไร เมื่อมันเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังเขียนอยู่ มันก็จะให้คำแนะนำได้ว่ามีเว็บไซต์ เอกสารใด รูปภาพ และวิดีโอใดบ้าง (ที่เราบันทึกเก็บเอาไว้) ที่เกี่ยวข้องทำให้เพิ่มความสะดวกในการเขียนอีเมล์ได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
การค้นหาข้อมูลด้วย search engine
ในขณะที่เรากำลังค้นหาข้อมูลบางอย่าง เทคโนโลยีเว็บ 3.0 มันจะเข้าใจในสิ่งที่เราถาม และรู้คำตอบของคำถามอยู่แล้ว
ประโยชน์ของเว็บไซต์
เว็บไซต์มีประโยชน์มากมายเหลือคณา ดังต่อไปนี้
โทษของเว็บไซต์
เว็บไซต์ก่อให้เกิดโทษได้เช่นกัน โดยอาจจะเกิดจากผู้สร้างเว็บไซต์ และพฤติกรรมของผู้ใช้หรือผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เองดังนี้
การสร้างเว็บไซต์
การสร้างเว็บไซต์ในปัจจุบันสามารถทำได้มากมายหลายวิธีดังต่อไปนี้
ลักษณะเว็บไซต์ที่ดี
เว็บไซต์ยอดนิยมที่คนไทยเปิดบ่อยที่สุด (ข้อมูลปี 2558)
ผลการสำรวจจาก alexa.com พบว่าเว็บไซต์ที่คนไทยเปิดบ่อยมากที่สุดในปี 2015 ได้แก่
1. google.co.th
เป็นเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลอันดับ 1 ของโลก
2. facebook.com
เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย ที่ใครๆ ก็รู้จัก
3. youtube.com
เป็นเว็บไซต์รวมวิดีโอจากทั่วโลก
4. pantip.com
เป็นเว็บไซต์ฮอตฮิต สำหรับการลงกระทู้ และการแสดงความคิดเห็นที่มีอิทธิพลต่อคนไทยพอสมควร
5. yahoo.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ และเป็นเว็บ search engine ด้วย
6. sanook.com
เป็นเว็บไซต์วาไรตี้ที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุดในไทย
7. blogspot.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการบล็อคฟรีที่บล็อคเกอร์นิยมใช้งาน
8. th.wikipedia.org
เป็นเว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์ เป็นประโยชน์อย่างมากในการศึกษาหาความรู้ข้อเท็จจริง
9. ebay.com
เป็นเว็บไซต์สำหรับซื้อขายประมูลสินค้าแบบออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง
เว็บไซต์ยอดนิยมในโลก
10 อันดับเว็บไซต์ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ได้แก่
1. Google.com
เป็นเว็บไซต์ search engine ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก
2. Facebook.com
เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดียที่ใครๆ ก็ใช้งานกัน
3. Youtube.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการวิดีโอออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก
4. Yahoo.com
เป็นเว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ และ search engine ด้วย
5. Baidu.com
เป็นเว็บไซต์ search engine อันดับ 1 ของประเทศจีน
6. wikipedia.org
เป็นเว็บไซต์สารานุกรมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก
7. live.com
เป็นเว็บไซต์ที่เปลี่ยนมาจาก msn.com ถือเป็นการรวมบริการต่างๆ เข้าด้วยกันทั้งข่าวสาร และเว็บเมล์คือ hotmail.com
8. twitter.com
เป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดียประเภทหนึ่ง ที่สามารถโพสต์ข้อความได้ไม่เกิน 140 ตัวอักษร
9. qq.com
เป็นโปรแกรมเมสเซนเจอร์จากประเทศจีน ในไทยถูกนำมาใช้โดยเว็บ snook.com
10. Amazon.com
เป็นเว็บไซต์ขายของออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา มีผู้ใช้งานทั่วโลก
หวังว่าข้อมูลเรื่องเว็บไซต์จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจนะครับ พบกันใหม่กับทความหน้า เร็วๆ นี้ครับ
By ziya • ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ • 0