การสแกนไวรัสสามารถทำได้อย่างไร และต้องใช้โปรแกรมอะไร ถึงจะทำงานได้ดีที่สุด มาดูกันครับ
ทำไมต้องสแกนไวรัส
เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์มีความสามารถในการทำลายไฟล์ต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ ดังนั้นหากว่าคอมพิวเตอร์ของเราติดไวรัส เราจึงมีความจำเป็นต้องกำจัดไวรัสออกไป ซึ่งสามารถทำได้โดยการ “สแกนไวรัส” นั่นเอง
มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus) อยู่แล้ว ทำไมต้องสแกนไวรัสอีก
หลายคนมักจะสังสัยเกี่ยวกับคำถามนี้ การที่เราติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสไว้ แน่นอนว่าโปรแกรมมันจะป้องกันไวรัสไม่ให้เข้ามาในเครื่องของเรา แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100 % เนื่องจาก
- ไวรัสมีใหม่มาเสมอ และในบางครั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสของท่านอาจไม่รู้จักไวรัสตัวใหม่นี้ มันจึงสามารถเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของท่านได้
- โปรแกรมแอนตี้ไวรัสอัพเดทไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุให้ไม่สามารถอัพเดทข้อมูลไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ ทำให้ไม่รู้จักไวรัสดังกล่าว มันจึงสามารถเข้ามาในคอมพิวเตอร์ของท่านได้
- บางคนพบว่าไฟล์ติดไวรัส แตก็ยังฝืนใช้ไฟล์นั้น จึงทำให้คอมพิวเตอร์ติดไวรัส
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ไวรัสเข้ามาสู่เครื่องของเราได้ แม้ว่าจะมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสป้องกันอยู่แล้ว จึงมีความจำเป็นต้องสแกนไวรัสเพื่อกำจัดไวรัสออกจากเครื่องของเรานั่นเอง
โปรแกรมสแกนไวรัสฟรีที่น่าใช้ในปี 2015
- Avira Free Antivirus เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสฟรีที่ใช้งานได้ดี และแทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย มีข้อมูลไวรัสครอบคลุม มีการตรวจจับไวรัสอยู่ตลอดเวลา เมื่อพบไวรัสก็จะมีป๊อบอัพแจ้งเตือนทันที นอกจากนี้ยังมีการป้องกันไวรัสบน browser ด้วย

- Avast Free Antivirus ก็เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสอีกตัวหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมสูงมากเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันมาหลายปี มีข้อมูลไวรัสครอบคลุม มีการตรวจจับไวรัสและแจ้งเตือนเช่นเดียวกับ Avira แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าใช้ทรัพยากรมากกว่า Avira พูดง่ายๆ ว่าใช้แล้วจะทำห้รู้สึกว่าหนักเครื่องนั่นเอง สำหรับเครื่องที่สเปคต่ำๆ จึงไม่ขอแนะนำโปรแกรมตัวนี้

- Panda Cloud Antivirus Free โปรแกรมตัวนี้ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจ เนื่องจากมีฟังค์ชั่นที่น่าสนใจเพิ่มมาคือ USB Vaccine คือมีความสามารถในการตรวจจับไวรัส malware ที่มากับ USB ได้ อีกทั้งยังสามารถป้องกันมัลแวร์พื้นฐานที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกด้วย
Emsisoft Emergency Kit โปรแกรมตัวนี้ มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องติดตั้งลงเครื่อง สามารถรันโปรแกรมเพื่อสแกนไวรัสได้เลย เอาไว้ใช้ในยามที่เครื่องเราติดไวรัส ถือเป็นตัวรองจากโปรแกรมตัวหลักที่ติดตั้งไว้ในเครื่องนั่นเอง

ข้อควรระวังในการติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัส
ในการติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรติดตั้งคู่กัน 2 โปรแกรม เพราะการทำงานจะซ้อนกัน และจะทำให้เครื่องของเราช้าแบบใช้งานไม่ได้เลย การที่จะลบโปรแกรมตัวใดตัวหนึ่งออกได้ ก็จะทำได้อย่างยากลำบากเช่นกัน
วิธีการสแกนไวรัส
1. ให้ตรวจสอบว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่เครื่องเราทำงานปกติดีหรือไม่ หากว่าหมดอายุหรือไม่สามารถอัพเดทได้ ก็ให้ไปหาดาวน์โหลดตัวใหม่มาติดตั้งก่อน
2. ทำการสแกนไวรัสโดยเลือกสแกนที่ไดรว์ C ก่อน เพราะไฟล์ระบบต่างๆ อยู่ที่ไดรว์ C
3. หากสแกนไวรัสแล้วสงสัยว่ายังมีไวรัสหลงเหลืออยู่แต่ไม่พบ ก็ให้ติดตั้งโปรแกรมตัวอื่น แล้วสแกนใหม่
4. หากกรณีที่สแกนไวรัสแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาไวรัสได้จริงๆ จึงจะต้องทำการ format ฮาร์ดดิสหรือลง windows ใหม่
อย่างไรก็ตาม การสแกนไวรัสถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าจะให้ดีก็ควรทำการป้องกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ ด้วยการเลือกใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดี ดูแลให้มันทำงานปกติอยู่เสมอ ไม่ฝืนใช้ไฟล์ที่ติดไวรัส และไม่ใช้งานเว็บไซต์ที่สันนิษฐานว่ามีไวรัสแอบแฝงอยู่นะครับ
ส.ค. 24 2015
การสแกนไวรัส
การสแกนไวรัสสามารถทำได้อย่างไร และต้องใช้โปรแกรมอะไร ถึงจะทำงานได้ดีที่สุด มาดูกันครับ
ทำไมต้องสแกนไวรัส
เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์มีความสามารถในการทำลายไฟล์ต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ ดังนั้นหากว่าคอมพิวเตอร์ของเราติดไวรัส เราจึงมีความจำเป็นต้องกำจัดไวรัสออกไป ซึ่งสามารถทำได้โดยการ “สแกนไวรัส” นั่นเอง
มีโปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus) อยู่แล้ว ทำไมต้องสแกนไวรัสอีก
หลายคนมักจะสังสัยเกี่ยวกับคำถามนี้ การที่เราติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัสไว้ แน่นอนว่าโปรแกรมมันจะป้องกันไวรัสไม่ให้เข้ามาในเครื่องของเรา แต่มันก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100 % เนื่องจาก
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ไวรัสเข้ามาสู่เครื่องของเราได้ แม้ว่าจะมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสป้องกันอยู่แล้ว จึงมีความจำเป็นต้องสแกนไวรัสเพื่อกำจัดไวรัสออกจากเครื่องของเรานั่นเอง
โปรแกรมสแกนไวรัสฟรีที่น่าใช้ในปี 2015
ข้อควรระวังในการติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัส
ในการติดตั้งโปรแกรมสแกนไวรัสลงเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรติดตั้งคู่กัน 2 โปรแกรม เพราะการทำงานจะซ้อนกัน และจะทำให้เครื่องของเราช้าแบบใช้งานไม่ได้เลย การที่จะลบโปรแกรมตัวใดตัวหนึ่งออกได้ ก็จะทำได้อย่างยากลำบากเช่นกัน
วิธีการสแกนไวรัส
1. ให้ตรวจสอบว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่เครื่องเราทำงานปกติดีหรือไม่ หากว่าหมดอายุหรือไม่สามารถอัพเดทได้ ก็ให้ไปหาดาวน์โหลดตัวใหม่มาติดตั้งก่อน
2. ทำการสแกนไวรัสโดยเลือกสแกนที่ไดรว์ C ก่อน เพราะไฟล์ระบบต่างๆ อยู่ที่ไดรว์ C
3. หากสแกนไวรัสแล้วสงสัยว่ายังมีไวรัสหลงเหลืออยู่แต่ไม่พบ ก็ให้ติดตั้งโปรแกรมตัวอื่น แล้วสแกนใหม่
4. หากกรณีที่สแกนไวรัสแล้ว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาไวรัสได้จริงๆ จึงจะต้องทำการ format ฮาร์ดดิสหรือลง windows ใหม่
อย่างไรก็ตาม การสแกนไวรัสถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าจะให้ดีก็ควรทำการป้องกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ ด้วยการเลือกใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดี ดูแลให้มันทำงานปกติอยู่เสมอ ไม่ฝืนใช้ไฟล์ที่ติดไวรัส และไม่ใช้งานเว็บไซต์ที่สันนิษฐานว่ามีไวรัสแอบแฝงอยู่นะครับ
By ziya • ความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ • 0