วันนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหา “คอมค้าง” ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

ลักษณะอาการคอมค้าง
คอมค้างที่ว่านี้หมายถึงคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน๊ตบุ๊คที่มีอาการค้างขณะใช้งานอยู่ หรืออาจจะค้างตั้งแต่ตอนเปิดเข้าหน้า desktop เลย คลิกเมาส์เลื่อนเมาส์ก็แทบจะทำไม่ได้ หรือเลื่อนเมาส์ได้แต่คลิกเปิดอะไรไม่ได้เลย ค้างอยู่อย่างนั้น รวมทั้งปัญหาคอมพิวเตอร์ค้างเป็นครั้งคราวด้วย
คอมค้างเกิดจากสาเหตุอะไร
คอมค้างเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
1. ซีพียูใช้งาน 100%
โดยอาจจะกำลัง run program อะไรอยู่ และใช้ cpu กับโปรแกรมนั้นมากจนเกินไป หรือเปิดหลายๆ โปรแกรมพร้อมกัน จนกินซีพียูถึง 100% หรือเกือบๆ 100% นอกจากนี้อาจจะเกิดจากปัญหาไวรัสที่ทำงานด้วยตัวเอง ทำให้กินซีพียูสูงจนก่อให้เกิดปัญหาคอมค้างนั่นเอง
2. แรมไม่พอ
แรมไม่พอเกิดจากการใช้งานโปรแกรมต่างๆ จนแรมหมด ปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่มีแรมน้อย เมื่อแรมถูกใช้งานจนหมด ก็จะพบว่าคอมค้างได้เช่นกัน
3. ฮาร์ดดิสก์มีปัญหา
ฮาร์ดดิสก์ที่มีปัญหาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหาคอมค้าง เพราะว่าการทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นที่จะต้องมีการเขียนอ่านข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ แต่หากฮาร์ดดิสก์มีปัญหาแล้ว การเขียนอ่านก็จะทำไม่ได้เหมือนเดิม อาจะจะเขียนอ่านได้ช้ากว่าปกติ หรือเขียนอ่านไม่ได้เลย ทำให้คอมค้างเพราะพยายามเขียนอ่าน แต่ก็ทำไม่ได้ และก็ยังคงพยายามทำต่อไป
โดยปัญหาคอมค้างที่มีสาเหตุมาจากฮาร์ดดิสก์ จะรุนแรงตามความเสียหายของฮาร์ดดิสก์ โดยจะมีตั้งแต่ปัญหาคอมค้างทำอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่เข้าหน้า desktop หรืออาจจะค้างเป็นระยะๆ หรือเป็นช่วงๆ ก็ได้
4. พอร์ทสายสัญญาณของฮาร์ดดิสก์มีปัญหา
อีกกรณีที่เป็นสาเหตุของอาการคอมค้างก็คือพอร์ทของสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์มีปัญหา ปัจจุบันก็จะเป็นพอร์ท SATA พอร์ทดังกล่าวก็สามารถเสียได้ตามเวลาการใช้งาน
5. สายสัญญาณฮาร์ดดิสก์มีปัญหา
สายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ก็มีโอกาสเสียได้เช่นกัน แม้จะพบเจอได้ไม่มากนัก เมื่อสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ส่งสัญญาณได้ไม่ปกติ ก็จะทำให้เกิดอาการคอมค้างได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างอาการเสียของฮาร์ดดิสก์
- การเขียนอ่านผิดปกติ
- มี bad sector หรือจุดเสียบนฮาร์ดดิสก์
วิธีแก้ปัญหาคอมค้าง
1. ตรวจสอบการทำงานของซีพียู และแรมผ่าน task manager ที่ tab Performance ดังนี้

– ดูที่ Memory หากพบว่า memory ใช้งานเต็ม ก็แสดงว่าเกิดจากปัญหาแรมไม่พอ ให้แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการปิดบางโปรแกรมทิ้งไป และอาจต้องเพิ่มแรมในอนาคต
– ดูที่ CPU Usage หากพบว่ามีการใช้งานสูงจนเกือบๆ 100% ก็ให้ดูรายละเอียดการใช้งานซีพียูอีกที โดยไปที่ tab process >> กดที่คำว่า CPU เพื่อเรียงลำดับตามเปอร์เซ็นการใช้งานซีพียู

หากพบว่าโปรแกรมใด หรือ process ใดที่ใช้งานซีพียูสูงผิดปกติ ก็ให้แก้ไขโดยการคลิกขวาที่ process นั้น >> กด End Process (หรือเลือก process แล้วกดปุ่ม End Process ที่มุมล่างขวามือก็ได้)

หรืออาจจะไปที่ tab Applications >> เลือกโปรแกรมที่ต้องการปิด >> กด End Task

2. ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์
การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ควรใช้โปรแกรมช่วยตรวจสอบ นั่นคือโปรแกรม HD Tune โดยให้ตรวจสอบ 2 อย่างคือ
- ตรวจสอบแท็บ health เป็นการตรวจสอบสุขภาพฮาร์ดดิสก์
- ตรวจสอบแท็บ Error Scan เป็นการตรวจสอบ bad sector
ดูวิธีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม HD Tune ที่นี่
หากพบว่าฮาร์ดิสก์มีปัญหา แสดงว่าฮาร์ดดิสก์เป็นตัวการของปัญหาคอมค้าง ก็ต้องเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์เพื่อแก้ไขปัญหา
หากใครพบเจอปัญหาคอมค้าง ทั้งคอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ค สามารถใช้วิธีการตรวจสอบตามบทความนี้ไปแก้ไขปัญหากันได้นะครับ ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแน่นอน
3. ทดลองสลับพอร์ทสายสัญญาณของฮาร์ดดิสก์
ปกติพอร์ทสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะเป็นพอร์ท SATA ซึ่งจะอยู่บนเมนบอร์ดมากกว่า 1 พอร์ท เราสามารถสลับสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ไปยังอีกพอร์ทเพื่อทดสอบอาการค้างของคอมพิวเตอร์ได้
4. ทดลองสลับเปลี่ยนสายสัญญาณของฮาร์ดดิสก์
หากสลับพอร์ทของสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์แล้วพบว่าไม่ใช่สาเหตุของปัญหา ก็ให้ทดลองเปลี่ยนสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ด้วย เพราะสายสัญญาณก็อาจจะเสียหรือมีปัญหาได้เช่นกัน
มี.ค. 5 2016
คอมค้าง
วันนี้จะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับปัญหา “คอมค้าง” ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร
ลักษณะอาการคอมค้าง
คอมค้างที่ว่านี้หมายถึงคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน๊ตบุ๊คที่มีอาการค้างขณะใช้งานอยู่ หรืออาจจะค้างตั้งแต่ตอนเปิดเข้าหน้า desktop เลย คลิกเมาส์เลื่อนเมาส์ก็แทบจะทำไม่ได้ หรือเลื่อนเมาส์ได้แต่คลิกเปิดอะไรไม่ได้เลย ค้างอยู่อย่างนั้น รวมทั้งปัญหาคอมพิวเตอร์ค้างเป็นครั้งคราวด้วย
คอมค้างเกิดจากสาเหตุอะไร
คอมค้างเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
1. ซีพียูใช้งาน 100%
โดยอาจจะกำลัง run program อะไรอยู่ และใช้ cpu กับโปรแกรมนั้นมากจนเกินไป หรือเปิดหลายๆ โปรแกรมพร้อมกัน จนกินซีพียูถึง 100% หรือเกือบๆ 100% นอกจากนี้อาจจะเกิดจากปัญหาไวรัสที่ทำงานด้วยตัวเอง ทำให้กินซีพียูสูงจนก่อให้เกิดปัญหาคอมค้างนั่นเอง
2. แรมไม่พอ
แรมไม่พอเกิดจากการใช้งานโปรแกรมต่างๆ จนแรมหมด ปัญหานี้จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คที่มีแรมน้อย เมื่อแรมถูกใช้งานจนหมด ก็จะพบว่าคอมค้างได้เช่นกัน
3. ฮาร์ดดิสก์มีปัญหา
ฮาร์ดดิสก์ที่มีปัญหาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของปัญหาคอมค้าง เพราะว่าการทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นที่จะต้องมีการเขียนอ่านข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ แต่หากฮาร์ดดิสก์มีปัญหาแล้ว การเขียนอ่านก็จะทำไม่ได้เหมือนเดิม อาจะจะเขียนอ่านได้ช้ากว่าปกติ หรือเขียนอ่านไม่ได้เลย ทำให้คอมค้างเพราะพยายามเขียนอ่าน แต่ก็ทำไม่ได้ และก็ยังคงพยายามทำต่อไป
โดยปัญหาคอมค้างที่มีสาเหตุมาจากฮาร์ดดิสก์ จะรุนแรงตามความเสียหายของฮาร์ดดิสก์ โดยจะมีตั้งแต่ปัญหาคอมค้างทำอะไรไม่ได้เลยตั้งแต่เข้าหน้า desktop หรืออาจจะค้างเป็นระยะๆ หรือเป็นช่วงๆ ก็ได้
4. พอร์ทสายสัญญาณของฮาร์ดดิสก์มีปัญหา
อีกกรณีที่เป็นสาเหตุของอาการคอมค้างก็คือพอร์ทของสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์มีปัญหา ปัจจุบันก็จะเป็นพอร์ท SATA พอร์ทดังกล่าวก็สามารถเสียได้ตามเวลาการใช้งาน
5. สายสัญญาณฮาร์ดดิสก์มีปัญหา
สายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ก็มีโอกาสเสียได้เช่นกัน แม้จะพบเจอได้ไม่มากนัก เมื่อสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ส่งสัญญาณได้ไม่ปกติ ก็จะทำให้เกิดอาการคอมค้างได้เช่นเดียวกัน
ตัวอย่างอาการเสียของฮาร์ดดิสก์
วิธีแก้ปัญหาคอมค้าง
1. ตรวจสอบการทำงานของซีพียู และแรมผ่าน task manager ที่ tab Performance ดังนี้
– ดูที่ Memory หากพบว่า memory ใช้งานเต็ม ก็แสดงว่าเกิดจากปัญหาแรมไม่พอ ให้แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการปิดบางโปรแกรมทิ้งไป และอาจต้องเพิ่มแรมในอนาคต
– ดูที่ CPU Usage หากพบว่ามีการใช้งานสูงจนเกือบๆ 100% ก็ให้ดูรายละเอียดการใช้งานซีพียูอีกที โดยไปที่ tab process >> กดที่คำว่า CPU เพื่อเรียงลำดับตามเปอร์เซ็นการใช้งานซีพียู
หากพบว่าโปรแกรมใด หรือ process ใดที่ใช้งานซีพียูสูงผิดปกติ ก็ให้แก้ไขโดยการคลิกขวาที่ process นั้น >> กด End Process (หรือเลือก process แล้วกดปุ่ม End Process ที่มุมล่างขวามือก็ได้)
หรืออาจจะไปที่ tab Applications >> เลือกโปรแกรมที่ต้องการปิด >> กด End Task
2. ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์
การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ควรใช้โปรแกรมช่วยตรวจสอบ นั่นคือโปรแกรม HD Tune โดยให้ตรวจสอบ 2 อย่างคือ
ดูวิธีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม HD Tune ที่นี่
หากพบว่าฮาร์ดิสก์มีปัญหา แสดงว่าฮาร์ดดิสก์เป็นตัวการของปัญหาคอมค้าง ก็ต้องเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์เพื่อแก้ไขปัญหา
หากใครพบเจอปัญหาคอมค้าง ทั้งคอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุ๊ค สามารถใช้วิธีการตรวจสอบตามบทความนี้ไปแก้ไขปัญหากันได้นะครับ ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแน่นอน
3. ทดลองสลับพอร์ทสายสัญญาณของฮาร์ดดิสก์
ปกติพอร์ทสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบันจะเป็นพอร์ท SATA ซึ่งจะอยู่บนเมนบอร์ดมากกว่า 1 พอร์ท เราสามารถสลับสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ไปยังอีกพอร์ทเพื่อทดสอบอาการค้างของคอมพิวเตอร์ได้
4. ทดลองสลับเปลี่ยนสายสัญญาณของฮาร์ดดิสก์
หากสลับพอร์ทของสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์แล้วพบว่าไม่ใช่สาเหตุของปัญหา ก็ให้ทดลองเปลี่ยนสายสัญญาณฮาร์ดดิสก์ด้วย เพราะสายสัญญาณก็อาจจะเสียหรือมีปัญหาได้เช่นกัน
By ziya • หมวดอื่นๆ, แก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ • 0